มุมมองนักวิเคราะห์ต่างชาติกับอนาคตตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง และความสำเร็จของ SAMSUNG Galaxy A Series
กรุงเทพฯ (8 กรกฎาคม 2563) – ปี 2020 ถือเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟน เนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง (Mid-range Smartphone) ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกยังรักษาระดับการเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วได้ดี สำหรับในประเทศไทย ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ พบว่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางซึ่งมีราคาตั้งแต่ 9,000 – 13,000 บาท ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถูกนำเสนอเข้ามาในสมาร์ทโฟนเซกเมนต์นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry Segment) เริ่มหันมาอัพเกรดสู่สมาร์ทโฟนในระดับกลางมากขึ้น
ซัมซุงนับเป็นแบรนด์ที่เริ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์นี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผ่านสมาร์ทโฟนในตระกูล กาแลคซี่ เอ โดยล่าสุด ความสำเร็จของสมาร์ทโฟนในซีรีส์นี้ ยังได้รับการยืนยันจากผลวิจัยตลาดสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั่วโลกในไตรมาสที่ 1 ของ Strategy Analytics[1] เผยให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยที่ Galaxy A51 ขึ้นเป็นมือถือที่ขายดีที่สุดในช่วงต้นปี 2020
แคโรไลนา มิลาเนซี นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Creative Strategies บริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์ชั้นนำในซิลิคอนวัลเลย์ ได้พูดถึงความสำเร็จของซัมซุงในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง[2] โดยมีปัจจัยสำคัญคือการนำเอาฟีเจอร์ระดับนวัตกรรมซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปเท่านั้น มาใช้กับสมาร์ทโฟนในตระกูลกาแลคซี่ เอ จึงตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และคนใช้มือถือแฟลกชิปตกรุ่น ซึ่งมีงบประมาณจำกัด
ในอดีตที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนระดับกลางมักจะถูกออกแบบให้มีความใกล้เคียงกับรุ่นแฟลกชิป เพียงแต่มีการดาวน์เกรดฟีเจอร์ต่างๆ ให้อยู่ในระดับราคาที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้สมาร์ทโฟนที่ถูกนำเสนอสู่ตลาดอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา ซึ่งทำให้คนส่วนหนึ่งเลือกใช้สมาร์ทโฟนแฟลกชิปตกรุ่นหรือเครื่องมือสอง และในระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้ แบรนด์ชั้นนำเริ่มมองเห็นช่องว่างนี้ และได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเติมเต็มความต้องการในตลาด
ในเดือนกันยายน 2018 ซัมซุงได้ประกาศกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่เป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง ด้วยการนำเอานวัตกรรมที่คิดค้นใหม่มาใช้กับ กาแลคซี่ เอ ซีรีส์ ก่อนรุ่นแฟลกชิป เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานรุ่นใหม่ทั้ง
มิลเลนเนียลและ Gen Z ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปได้ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันความสำเร็จของ กาแลคซี่ เอ ในตลาดโลก จนซัมซุงได้ส่งสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้สู่ตลาดโลกอีกหลายรุ่นในปีต่อๆ มา รวมไปถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ระดับ Mid-tier สองรุ่นล่าสุด คือ Galaxy A51 5G และ Galaxy A71 5G
มิลาเนซี มองว่า สมาร์ทโฟน 5G ทั้งสองรุ่นดังกล่าว จะมีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางให้โตขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความพยายามผลักดัน 5G ของผู้ให้บริการเครือข่ายให้ไปถึงผู้ใช้งานทุกๆ เซกเมนต์ รวมทั้งพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในปีนี้ที่มีความระมัดระวังมากขึ้น จึงตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนจากฟีเจอร์สำคัญๆ เช่น ขนาดหน้าจอ คุณภาพ กล้อง แบตเตอรี่ และการที่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G ย่อมหมายถึงผู้ใช้งานจะสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นได้อีก 4-5 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ นอกจากนี้ มิลาเนซี ยังคาดการณ์ว่าสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ จะสามารถตีตลาดสมาร์ทโฟนสำหรับองค์กรได้อีกด้วย เนื่องจากสมาร์ทโฟนของซัมซุงมีข้อได้เปรียบในด้านแพลตฟอร์มความปลอดภัยอย่าง Knox ที่สนับสนุนการทำงานของ Enterprise Software ต่างๆ ได้ดีเยี่ยม
ทั้งหมดนี้ อาจกล่าวได้ว่า ซัมซุง กาแลคซี่ เอ เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองที่สุดอีกซีรีส์หนึ่งในเวลานี้ ด้วยฟีเจอร์การใช้งานหลักที่ครบครัน ตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบันที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของจอ กล้องถ่ายภาพที่มีความสามารถไม่แพ้กล้องของรุ่นแฟลกชิป หรือขนาดของแบตเตอรี่ที่เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวัน ยังไม่รวมถึงการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่กำลังทยอยเปิดตัวในหลายตลาดทั่วโลก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและอัพเดทข้อมูลของสมาร์ทโฟนกาแลคซี่ เอ
ซีรีส์ได้ที่ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-a-series/