รีวิว OPPO R17 Pro ถ่ายภาพกลางคืนสว่าง เกมลื่น สแกนนิ้วบนหน้าจอ
สวัสดีครับ ผมภัทรจาก 3PAT Review บทความรีวิวในเว็บนี้ผมจะพูดถึงการใช้งานและผลลัพธ์เป็นหลัก เราอาจจะไม่ได้พูดถึงสเปคจ๋า แต่เราอยากให้ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่สำคัญในแบบกระชับที่สุด ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
ปีนี้ถือเป็นปีทองและการก้าวกระโดดของ OPPO ประเทศไทยไม่น้อย OPPO ทยานสู่ส่วนแบ่งตลาดสามร์ทโฟนอันดับที่ 2 ในประเทศไทย*
ณ วันนี้ OPPO R series มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 100,000,000 คน และมียอดขายวัดที่มูลค่ามากกว่า Apple iPhone แล้วในประเทศไทย
5 วันแรก OPPO R17 Pro มียอดจองสูงเป็น 3 เท่าของยอดจอง OPPO R15 Pro
วันนี้ OPPO ส่ง R17 Pro รองจากรุ่นพี่ตัวท็อปอย่าง Find X สู่ตลาด
ถ้าใครขี้เกียจอ่านรีวิวผมขอสรุปแล้วคุณเลื่อนไปดูภาพได้เลยครับ (มีVDO Review ล่างสุด) สรุปคือ
“จอใหญ่ สีคมชัดในโทนคอนทรสเข้ม กล้องหลังที่สว่างมาก ถ่ายภาพได้ดีด้วย AI – Engine ฯ และรูรับแสงปรับได้ F1.5 / F2.4 เด็ดที่การถ่าย Ultra Night Mode มี AI Ultra Clear ช่วยลดnoiseได้ การเล่นเกมถือว่าลื่นและปรับได้สุดทุกเกม และชาร์จได้ไวมาก 0-100% ใน 40 นาที ด้วย Super VOOC Flash Charge Chipset Snapdragon710 เพียงพอกับทุกเกมแล้วคือลื่นและสุดหมด RAM 8 GB ROM 128 GB จัดว่าเยอะ RAMนี่รองรับอนาคตได้อีกนานเลย
สแกนนิ้วบนหน้าจอได้ ถ้างบถึงเป็นตัวที่น่าสนใจ…… ถ้างบจำกัดซื้อแบบติดสัญญาราคาจะเหลือเพียง 9,900.- คุ้มโคตร จบรีวิว…….”
ภายนอก
OPPO R17 Pro มาพร้อมกับบอดี้ที่เล่นสีสวยงาม มี 2 สีให้เลือกคือ Radiant Mist และ Emerald Green หน้าจอ 6.4” water drop design AMOLED FHD+ กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 เป็นรุ่นแรกของโลก ซึ่งแข็งแรงกว่าเดิมถึง 2 เท่า สามารถสแกนนิ้วบนหน้าจอได้ ชาร์จไฟผ่าน USB Type-C และตัด 3.5mm ออก
การจับถือ-ใช้งานทั่วไป
ฝาหลังมีดีไซน์แบบ 3D curve คือขอบโค้งมนเข้ามือ มาพร้อมสีสันที่สวมงามดั่งงานศิลปะ มี 2 สีคือ Emerald GreenและRadiant Mist
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.4″ waterdrop design OLED FHD+ ขอบหน้าจอที่บางมีค่าratioเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 91.5%
ratio หน้าจอ 19.5:5 พร้อมด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6 ครั้งแรกของโลกที่แข็งกว่าเดิมถีง 2 เท่า
หน้าจอที่แสดงได้เต็ม สำหรับคนที่มองหาระบบสแกนลายนิ้วมือ R17 Pro ใส่มันไว้ในหน้าจอแบบ In-screen Finger Scan
สะดวกและรวดเร็วมากครับอันนี้ชอบมาก เร็วมาก
อุปกรณ์ภายในกล่อง
มีเคสใสTPUสีเขียวมาให้(รุ่นผมสี Emerald Green) และหูฟังแบบ USB Type-C ตัวเครื่องมีติดกันรอยหน้าจอให้เรียบร้อยแล้ว
adaptorและสายชาร์จเส้นใหญ่กว่าปกติ รองรับการชาร์จ Super VOOC Flash Charge
เชื่อมต่อผ่าน USB Type-C และรองรับ 2SIM Card Dual 4G Standby
สเปคสำคัญ
Chipset : Snapdragon 710 Octa-Core
RAM : 8 GB
ROM : 128 GB
กล้องหลัง : 3 ตัว 12 MP F1.5 / F2.4 OIS กันสั่น + 20 MP F2.6 AF + TOF 3D camera วัดระยะ
กล้องหน้า : 25 MP F2.0 AI Beauty
แบตเตอรี่ : 3,700 mAh ชาร์จด้วย Super VOOC Flash Charge 0-100% ใน 40 นาที
portเชื่อมต่อ : USB Type-C
ระบบปฏติการ : Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2
การเล่นเกม
ROV : 59 – 61 fps แทบตลอดการเล่น ปรับสุดหมด ภาพHD
high fps เว้นจังหวะที่ตีกันหนักมาก จะมีลงไป 5x กลาง ๆ บ้าง
ROV 1 เกม 20 นาทีใช้แบตไปประมาณ 7%
PUBG : เปิด HD – High ได้ การเล่นลื่นไหลดีในทุกฉาก
Ragnarok M : อันนี้กินสเปคไม่โหดดังนั้นเล่นได้ลื่นปกติ
การดู VDO – Youtube : สามารถดูได้เต็มจอ 6.4″ OLED ratio 19.5:9 เสียงลำโพงดังดี เป็นลำโพงเดี่ยว
โดยการเล่นเกมจะมี OPPO Game Space เข้ามาช่วยตั้งแต่การเร่งความแรงกราฟฟิค เคลียร์RAM ป้องกันbackground app ใช้งานอินเตอร์เน็ต และป้องกันการแจ้งเตือน* สามารถตั้งค่าได้
ยกตัวอย่างเมื่อมีสายโทรเข้ามาก็จะเป็น pop up เล็ก ๆ แบบนี้ในขณะที่ตัวเกมยังดำเนินไปตามปกติ คุณจะเลือกรับ-ปฏิเสธสายก็ได้
และเมื่อปัดด้านนิ้วจากด้านซ้ายของหน้าจอจะพบกับเมนูสำหรับใช้งานบันทึกหน้าจอทั้งรูปภาพและVDOได้โดยไม่ต้องโหลดแอพฯนอก
ตัวเครื่องมีRAMสูงถึง 8 GB สามารถใช้งาน multitasking ตอบแชทแบบเป็นwindow pop up ได้ ในขณะที่ตัวเกมก็ยังดำเนินไปตามปกติ
และหากใครเป็นสายฟาร์มแน่นอนว่าแบตเตอรี่คือสิ่งสำคัญ OPPO R17 Pro ที่รองรับการชาร์จเร็วจี๋ Super VOOC Flash Charge
สามารถชาร์จไปเล่นไป เปิดหน้าจอไปได้ ซึ่งยี่ห้ออื่นบางหลายรุ่นต้องปิดหน้าจอถึงชาร์จไว แถมความร้อนก็ไม่ร้อนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศา
ต้องยอมรับการพัฒนา คาราวะวิศวกรของ OPPO จริง ๆ
แบตเตอรี่ เป็นแบบ Bi-Cell คือภายในจะประกอบด้วย 2 ก้อนย่อย 5V5A ขนาด 1,850 mAh ต่อก้อนรวมทั้งระบบเป็น 3,700 mAh (เราจะเห็นเป็นก้อนเดียวหากต้องเปลี่ยนแบตในอนาคตก็เป็นแบตก้อนเดียว) จึงทำให้รองรับเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ได้ชาร์จไวสูงสุด 10V 5A รวม 50 W ซึ่งชาร์จ 0-40% ได้ในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 40 นาที เมื่อแบตใกล้เต็มระบบจะลดกำลังการชาร์จลงเพื่อถนอมแบตเตอรี่ ในด้านความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วงมีชิปต่าง ๆ คอยควบคุมตั้งแต่ อแดปเตอร์-สายชาร์จ-Portชาร์จ-ตัวเครื่อง-และแบตเตอรี่ มั่นใจว่าจะปลอดภัยที่สุด ตรงนี้ OPPO แนะนำให้ใช้ของแท้ทั้งหมดนะครับ แต่หากฉุกเฉินadaptorและสายอื่นก็ใช้ได้แต่จะได้ความเร็วเพียง 5V2A
กล้อง-การถ่ายภาพ นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดของ OPPO R17 Pro
ไล่จากง่ายก่อนและกัน กล้องหน้า 25 MP F2.0 ใช้sensor SONY IMX576 มาพร้อมกับ AI Beauty 2.1 ก็สวยใสตามสไตล์ OPPO แต่ผมยังคิดว่ามันสามารถเปลี่ยนคนนึงเป็นอีกคนได้อยู่ ฮ่าาา คือมันดูดีขึ้น อ่อนเยาว์และสดใสขึ้น แต่ไม่ได้ดูหลอกเป็นตุ๊กตาหรือพลาสติก ซึ่งเราสามารถปรับระดับความบิ้วตี้ได้ทั้งแบบเป็น AI auto หรือเลือกเอง6ระดับและปิด
สิ่งที่ผมต้องตินิดนึงคือถ้าคุณหน้าตี๋แบบผมและเป็นผู้ชายAI Beauty เร่งดวงตาให้กลมตาไปสักหน่อย แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงหรือไม่ได้ตาตี่คุณน่าจะชอบมัน
กล้องหลังมีมาให้ 3 ตัว และมาพร้อม AI Engine วิเคราะห์Scene ต่าง ๆ ได้ถึง 800 Scene 23 รูปแบบ
1.ตัวหลัก 12 MP F1.5 / F2.4 ปรับได้อัตโนมัติตามสภาพแสง ระยะ 26 mm แสงน้อยก็เปิด F1.5 รูรับแสงกว้างภาพก็สว่าง ซึ่งมาพร้อมกับ
Dual Pixel PDAF โฟกัสได้ไวนุ่ม และ OIS กันสั่น 3 แกน
2.กล้องตัวที่สอง 20 MP F2.6 AF สำหรับช่วยเสริมด้านการถ่ายภาพและ Portrait Mode
3.TOF 3D Stereo Camera เป็นกล้องตัววัดระยะแบบ 3D ใช้เทคนิคยิงแสง IR เข้าที่วัตถุเช่นบุคคลและกล้องตัวนี้จะเป็นตัวอ่านค่าที่ได้เพื่อให้ได้ผลแบบ 3D
ไปดูภาพกันเริ่มจากภาพบุคคลก่อน
เป็นไงครับใสเลย ด้วยรูรับแสง F1.5 แม้ถ่ายกลางคืนก็ทำให้ภาพสว่างกล้องหลังหลายตัว ช่วยวัดระยะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้
ตัวแบบคมชัด ความเห็นส่วนตัวผมคือได้อารมณ์กล้อง Mirrorless อยู่หน่อย ๆ ในบางภาพ
[adsense]
ในการถ่าย Portrait สามารถมาปรับFiltterหลังถ่ายเสร็จได้จะเปลี่ยนพื้นหลังเป็นขาวดำหรือเบลอรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มเติมก็ทำได้
ภาพถ่ายทั่วไปมี AI ช่วยวิเคราะห์เข้ามาช่วยอย่างที่บอกไป ก็สามารถถ่ายออกมาได้ชัดไม่แพ้กัน
ถ่ายวิว landscape ตอนกลางคืน OPPO R17 Pro มาพร้อมกับสโลแกน Seize the night คือเน้นด้านการถ่ายกลางคืนเลยแล้วภาพที่ได้หละ
การถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode มี AI Engine เข้ามาช่วยอีกแล้ว โดยเราต้องถึงตัวเครื่องนิ่ง ๆ 2-4 วินาที แต่ไม่ถึงขั้นต้องเกร็งมือ
ส่วนที่มืดจะถูกเร่งให้สว่างขึ้นในขณะที่ส่วนที่สว่างก็ยังคงไม่จ้าจนเกินไป ทำให้ภาพทั้งภาพได้แสงที่พอดีกลมกล่อม และมี AI Ultra Clear มาช่วยลดnoiseในภาพลงได้อีก ภาพที่ได้ทั้งหมดประทับใจมากครับ
ความเก่งที่อยากเสริม
OPPO R17 Pro มาพร้อมกับ RAM 8 GB ROM 128 GB ซึ่งถือว่าเหลือเฟือโดยเฉพาะ RAM ที่เรียกได้ว่าเหลือเฟือเผื่ออนาคตได้อีกแล้วปีเลยทีเดียว เปิดแอพเต็มที่ RAM กินไปประมาณ 4 GB นิด ๆ การสลับเข้าแอพจึงรวดเร็วมาก
ผลBenchmark
สิ่งนึงที่ผู้ใช้แสดงความเห็นคือ CPU Chipset ที่ให้มาคือ Snapdragon 710 เราต้องยอมรับตามตรงว่า ณช่วงราคานี้หลายรุ่นได้CPUระP
แม้ Snapdragon 710 Octa-core (2×2.0 GHz 360 Gold & 6×1.7 GHz Kryo 360 Silver) จะเป็นตัวที่ไม่ได้ขี้เหร่ก็ยังไม่ใช่ตัวTOPอยู่ดี
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมพูดมาตลอดคือ CPU Chipset ตัวเดียวกัน ROM ที่จูนมาต่างกันผลลัพธ์ก็ต่างกันนะ เมื่อปีก่อนมี Smartphone ยี่ห้อนึงซีรี่ย์เดียวกันออกใกล้กัน เป็นเหมือนรุ่นย่อย ใช้Chipsetเดียวกันความละเอียดหน้าจอเท่ากัน ROMVersionเดียวกัน ยังเล่นเกมออกมาได้ต่างกันฟ้ากับเหว
[adsense]
ผลการทดสอบด้านบนเห็นได้ชัดแล้ว การใช้งานพื้นฐานลื่นไหลอยู่แล้ว ในส่วนของเกมที่กินสเปคมากอย่าง ROV ก็มีได้ 60-61 และเฉลี่ยออกมาคือ 55 fps+ ในขณะที่ PUBGก็ปรับHighได้เล่นได้ลื่นไหล Snapdragon 710 ผมจึงสรุปได้ว่าใช้งานได้จริงเล่นเกมได้จริงไม่เป็นปัญหาและประโยชน์ที่ได้มากกว่าคือ ความร้อนจากchipsetที่มีความร้อนน้อยกว่าบริโภคพลังงานน้อยกว่า และไม่ต้องแค้นหนักแบบSnapdragon660
Geekbench 4 Single core : 1826 Multi core : 5908
Antutu Benchmark score : 154830
โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าประเด็นเรื่อง Chipset เป็นเรื่องเดียวที่เราแต่ละคนอาจมีความคิดเห็นต่างกันถ้าคุณดูที่คะแนนเป็นหลักก็ต้องยอมรับว่าน้อยกว่าตัวท็อป แต่ถ้าดูการใช้งานจริงของบุคลทั่วไปสามารถใช้งานได้เทียบเคียงกัน
สรุป
OPPO R17 Pro เปิดราคามาที่ 24,990.- บาท ถ้าต้องการความคุ้มค่ามากขึ้นจะมีแพ็คเก็จซื้อแบบติดสัญญากับผู้ให้บริการต่าง ๆ ค่าเครื่องจะเหลือเพียง 9,900.- บาทเท่านั้น ทุกอย่างลื่น จอคมชัด กล้องสวยทั้งหน้าและหลังพร้อมเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ที่ปลอดภัยและชาร์จได้รวดเร็ว ที่Smartphoneค่ายอื่นไม่สามารถทำได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.oppo.com/th/smartphone-r17-pro/
รีวิวเพิ่มเติมใน Youtube ใต้นี้ครับ สุดท้ายกับคำที่ผมมักพูดติดปาก
“ไม่มี Smartphone รุ่นไหนดีที่สุด จงเลือกSmartphoneที่ชอบและเหมาะกับเราที่สุดต่างหากหละ สวัสดี”