รีวิว Redmi Note 7 ราคา 4,999.- ประกัน 18 เดือน สเปคครบสู้smartphoneหลักหมื่น

ถือเป็น Smartphone ที่มีกระแสแรงก่อนเปิดตัวในไทยมาพักใหญ่กับ Redmi Note 7 Smartphone ที่คุ้มค่าที่สุดตัวนึง เพราะให้สเปคมาครบแบบไม่กั๊กทั้งกับราคาสุดว้าว

ก่อนXiaomi ประเทศไทยเปิดตัว Redmi Note 7 อย่างเป็นทางการ ผมคิดว่าเฮ้ยถ้ารุ่นเริ่มต้น RAM 3 GB + ROM 32 GB เปิดมาสัก 5,990.- ก็ว้าวแล้วนะ ขอราคานี้เถอะอย่าอัพแรงเลย
แต่กลายเป็นเค้าเปิดมาต่ำกว่าเพียง 4,999.- เท่านั้น เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย และมีรุ่นย่อยทั้งหมด 3
-รุ่น

RAM 3 GB ROM 32 GB = 4,999.-
-RAM 4 GB ROM 64 GB = 6,599.-
-RAM 4 GB ROM 128 GB = 6,799.-

สเปคสำคัญ
Chpiset : Qualcomm Snapdragon 660 AIE วิ่งสูงสุด 2.1 GHz
GPU : Adreno 512
หน้าจอ : Dot drop 6.3″ FHD+ 2.5D Gorilla Glass 5 19.5:9 , 84% NTSC Color Gamut
แบตเตอรี่ : 4,000 mAh รองรับ Quick Charge 4.0
port เชื่อมต่อ : USB-C , 3.5 mm , IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมท
Android 9.0 Pie + MIUI 10

-กล้องหลัง : 48 MP + 5 MP AI Dual Camera AI Scene detection
กล้องหน้า 13 MP F2.0 รองรับ AI Selfie AI Buatify AI Scene detection AI Face unlock
-Bluetooth 4.2 / WiFi 802.11 AC 5 GHz
มีชิปเสียง Smart PA
-ฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 5 และมีการเพิ่มความแข็งแรงที่ขอบเครื่อง


อุปกรณ์ในกล่องเป็นข้อจำกัดนิดหน่อยครับต่อทำราคามาถูกแล้ว เราคงต้องซื้อเพิ่มเองบ้าง
ในกล่องจะได้เพียง Adapter 5W2A = 10W ไม่ใช่ Quick Charge 4.0 ได้เคสใสที่เบามาก
และไม่มีหูฟังมาให้ครับ

ตัวเครื่องรองรับ 2 sim แบบ hybrid ไม่ใช่ 3 slot

ภาพรวมการใช้งานก็ตามสไตล์ของ MiUI 10 ครับ หน้าจอสีสันสวยงามในแบบดูสบายตาดี มีความสว่างสูงสุดที่ 450 nit การจับถือต้องบอกว่าใช้งานได้ปกติ ฝาหลังไม่ได้มีขอบหลังโค้ง 3Dแต่เป็นการเจียรฝาหลังลักษณะขอบแบบ 2.5D และ ขอบเครื่องด้านข้างโค้งนิด ๆ ฟิลจะคล้าย ๆ กับ iPhone XR (ผมขออนุญาตเทียบเพราะขนาดและการจับถือคล้ายกันจริง ๆ)

ขอบเครื่องที่มุมมีการเสริมความของแรงคงทนเพื่อให้ทั้งตัวเครื่องและกระจกหน้าจอทั้งหมดปลอดภัย

ภายในงานเปิดตัวจะมีคลิปทดสอบความแข็งแรงคงทนครับ (ดูได้เพิ่มเติมจาก Youtube review)
ชิปเสียงSmart PA และการดูVDO ทำเสียงออกมาได้ดังกว่ามือถือเพื่อนร่วมเรทราคาเดียวกันในระดับนิดนึง ฟังเพลงผ่านหูฟังไพเราะดู ย้ำอีกทีหูฟังไม่แถม ดังนั้นใครหูฟังที่มีเจ๋งก็วินไป


ทดสอบด้านความแรง
Geekbench 4 Multi-Core : 5512
 Antutu Benchmark : 141,000

การเล่นเกม มี game speed boost มาช่วยด้วย

ROV : ปรับสุด High FPS / HD ทุกอย่างสุด
ต้องบอกว่าเล่นได้ลื่นดีครับ ควบคุมทิศทางตรง เปิดเกมมา FPS พุ่งขึ้นไปที่ 60 fps และ 55+ ตลอดทั้งเกมเมื่อไม่มีการปะทะหนัก
แต่ถ้าปะทะหนักhero รวม 4 ตัว+ ซัดแหลก fps ราว 45 fps มีให้เห็นครับ ถ้าไม่หนักมาก 1-1 1-2 จะอยู่ราว 51-55
อย่างไรก็ตามถือว่าทำได้ดีมากแล้วครับ เพราะบางรุ่นที่ใช้ 660 AIE มีต่ำถึงเลข3ด้วย Redmi Note 7 จูนมาเก่งมากแล้ว ถามว่าเล่นได้ลื่นไหม ต้อบอกว่าลื่น แต่ไม่ขนาดปรี๊ดดดดดดดดดดด ใช้คำว่าเล่นได้โดยไม่หัวร้อนและสนุกผ่อนคลายได้และกันครับ

 ในเรทราคานี้ถือเป็นเครื่องนึงที่เล่นได้ดีที่สุด

PUBG : ปรับได้สูงสุดที่ HD – High
ดูเหมือนว่าตัวเกมจะดีงทรัพยากรพอสมควรเหมือนกันครับ มีการโหลดฉากต่าง ๆ โหลดเงาบ้างนิดหน่อยเมื่อขับรถ แต่การควบคุมทิศทางคือการปัดเพื่อเล็งทำได้ดีมากแบบเต็ม10 ตัวเกมเล่นปกติลื่นดี แต่ถ้าถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากกกกๆๆๆ จังหวะปะทะกับศัตรูอื่นหลายคน จะเกิดจังหวะ lag อย่างชัดเจนที่ผมเจอ ดังนั้นคำแนะนำเช่นเคยครับ มันลื่น ดี เล่นได้สนุก เพื่อเพลิดเพลิน ไม่ใช่ลื่นระดับเอาไปลงrangeเอาไปเล่นระดับpro gamer


เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องกล้องถ่ายภาพ
กล้องหลังหลัก 48 MP F1.8 6P ใช้ Image Sensor จาก SAMSUNG ISOCELL GM1 ถ่ายได้ที่ 48 MP จริงในโหมดโปรเท่านั้น และโหมด auto จะถ่ายได้ที่ 12 MP

ด้วยเทคโนโลยี tetracell ของ SAMSUNGแบบ Super pixel 4-in-1 ทำให้ขนาดฟิกเซลใหญ่ขึ้น จาก 0.8 เป็น 1.6 ไมคร่อน ภาพสว่าง ชัดมากขึ้น แม้ในที่แสงน้อย (สรุปง่าย ๆ ว่าsensor 48 MP จริงครับ แต่เพื่อการใข้งานโดยปกติทั่วไป ถ่ายที่ 12 MP จะให้ไฟล์ที่ใสกว่า สว่างกว่า noise น้อยกว่า)

ส่วนอีกตัวเป็น 5 MP depth sensor สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ portrait mode

ภาพทั้งหมดก็ตามนี้เลย

ผมชอบตรงความสว่างของ night mode ตอนกลางคืนที่ถ่ายแบบ stack layer คุณต้องถือ Redmi Note 7 ค้างไว้สักครู่ประมาณ 4 วิ แต่ภาพก็ไม่ได้สั่นไหวง่ายจนเกินไปครับ ภาพค่อนข้างสว่างและมีสกีนโทนของสีผิวสวยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังจริง ๆ 
การถ่าย portrait mode กล้องจะบอกให้เราถอยห่างไป 2 เมตร​ซึ่งไกลมาก จากการทดสอบยังพบว่ามันยังเบลอพลาดอยู่บ้าง คือเบลอถูกบ้างผิดบ้าง อาจจะต้องรอ FW upgrade ครับ

รูปถ่ายกล้องหลังทั้งหมด




กล้องหน้า 13 MP F2.0 มาพร้อม AI กล้องหน้า 
แม้ตัวเลขอาจจะดูแพ้คู่แข่ง แต่ภาพที่ได้นั้นน่าประทับใจ เป็นภาพที่ใส ผิวสวยและแม้จะเป็นกล้องหน้าเดี่ยวแต่ portrait กล้องหน้าได้สวย เบลอหลังได้ดีมากๆรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
แม้ผมของผมจะเป็นแบบช่อ ๆ ชี้ๆๆๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ยากสุดที่ AI จะวิเคราะห์และเบลอฉากหลังให้
Redmi Note 7 ก็ทำออกมาได้ดีครับ การแต่งบิวตี้ทำให้ดูสุภาพผิวดีขึ้น หน้าเรียวขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์บุคคลไว้ ไม่แต่งจนหลอกจากอีกคนเป็นอีกคนครับ อันนี้แล้วแต่ชอบกัน 

การถ่าย VDO กล้องหลังยังมาพร้อมกับ EIS กันสั่น กันสั่นได้ดีมากๆ รุ่นนึงเช่นกันครับ (ดูเพื่มเติมได้จาก Youtube review)

รูปถ่ายกล้องหน้าทั้งหมด
 


สรุปแล้ว Redmi Note 7 เปิดมา กล้า ท้า ชน กับ Smartphone แบรนด์อื่นที่ราคาเฉียดหมื่น หรือ หมื่นกว่า ด้วยความอัดแน่นมาของ Hardwareหลายตัวที่มากกว่า-เท่าคู่แข่ง แต่ราคาถูกกว่า 2-3 เท่า !!! ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ได้ USB-C / Quick Charge / กล้อง 48 MP / Snap 660 AIE นาทีนี้ไม่มีใครให้ได้ครับ แถมด้วยการรับประกัน 18 เดือน ไม่ต้องมีบ่งมีบัตร VIP ให้วุ่นวาน

คำถามว่าซื้อรุ่นไหนดีใน 3 รุ่นย่อย จากที่ผมได้รีวิวมาทั้งรุ่นที่เป็น RAM 3 GB และ RAM 4 GB แล้วต้องบอกว่า ถ้างบจำกัดจริง ๆ รุ่นที่เป็น RAM 3 GB ROM 32 GB 4,999 บาท ความเร็วแทบจะเท่ากัน ถ้าไม่เปิดแอพพลิเคชั่นทิ้งไว้เยอะ ๆๆ ใช้งานได้ครับ เล่นเกมลื่นเท่าๆ กัน แต่ ROM 32 GB ค่อนข้างอึดอัดถ้าลงเกมใหญ่หลายเกม คือลงได้เต็มที่ 3-4 เกมใหญ่ ๆ มากกว่านั้นระยะยาวจะเริ่มมีผลกระทบ ROM เต็มแน่นอน

ถ้างบไม่ใช่ปัญหาเราแนะนำให้ไปรุ่นท็อปสุดซึ่งแพงกว่ารุ่นกลางเพียงสองร้อยบาท จะได้เป็น RAM 4 GB ROM 128 GB ประกัน 18 เดือนนี้ใช้กันไปยาวๆ เลยครับ

สรุปของสรุปอีกครั้ง Redmi Note 7 มีจำหน่าย 3 สีในไทยคือ ดำ spec black น้ำเงิน neptune blue และ แดง nebula red จำหน่ายวันแรก 27 มีนาคมที่ LAZADA / AIS Online และ วันที่ 30 มีนาคม ที่ AIS Shop / AIS Partner / Mi Store พร้อมโปรโมชั่นสมัครแพ็คเกจลดค่าเครื่องกับ AIS ด้วยครับ สิ่งหนึงที่อยากบอกคือ บางคนจะคิดว่า Note 7 นี่แบบสุดแล้วถึงขั้นเทียบ Mi 8 Mi 9
ผมต้องบอกว่าตัวท็อปอย่าง Mi8 Mi9 ทรงประสิทธิภาพและลูกเล่นที่มากกว่า เนี๊ยบกว่า 
Redmi Note 7 เป็น Smartphone ที่มีระสิทธิภาพภาพรวมน่าชื่นชมรุ่นนึงที่ต่อกรกับแบรนด์อื่นในเรทราคา 1หมื่นบาท+- ได้ แต่ทำราคาได้น่าอัศจรรย์ใจเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท เท่านั้นครับ 
ใ่ส่ฟังก์ชั่นฟีเจอร์หลักๆ ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวันมาครบ เท่านี้ก็ว้าวแล้วครับ

ผู้ที่สนใจสั่งซื้อผ่านช่องทางOnline จาก LAZADA กดได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ : https://bit.ly/2JI4Fa2

%d bloggers like this: