รีวิว SAMSUNG Galaxy Note10+ ใส่มาเต็มทุกด้าน กล้องก็ว้าว


Galaxy Note10+ คือตัวแทนของ Note Series ที่มีหน้าจอที่ใหญ่สเปคครบครันและพร้อมกับ S-pen ที่เราคุ้นเคยกัน ในครั้งนี้ Note10 Series ยังมาพร้อมกับ Galaxy Note10 ที่มีขนาดหน้าจอที่กระทัดรัดกว่า จับถือง่ายกว่า เหมาะกับคนที่มือไม่ใหญ่ ต้องการจับถือสะดวกคล้ายกับ S Series ซึ่งก็มี S-pen ให้จดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ได้เช่นกัน

Galaxy Note10+ ไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องปากกา S-pen เท่านั้นเพราะครั้งนี้มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว


ที่คุณภาพยืนหนึ่งบน DxOMark ณ ตอนนี้ไม่เป็นรองใคร ได้คะแนนภาพรวมที่ 117
หน้าจอขนาดใหญ่ Cinematic Infinity-O Display 6.8” ชนิดหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED ให้สีสันที่สดใส ดำสนิท และcontrast ที่สูงกว่าเดิมถึง 2,000,000:1 รองรับสีระดับ 100% DCI-P3 รองรับการแสดงผล HDR10+ ความสว่างสูงสุด 1,200 nits กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6


และหน้าจอยังช่วยลดแสงสีฟ้าโดยไม่ทำให้การแสดงผลของสีบนหน้าจอลดลง ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland


(รุ่นจำหน่ายประเทศไทยไม่มีชิป 5G นะครับ)

สเปคภาพรวม
-Android 9 Pie + One UI
-Chipset : Exynos 9825 (7 nm) Octa-core (2×2.73 GHz Mongoose M4 & 2×2.4 GHz Cortex-A75 & 4×1.9 GHz Cortex-A55
-GPU : Mali-G76 MP12
-Display : Infinity-O Display 6.8″ Dynamic AMOLED 3040×1440 pixels
-RAM : 12 GB | ROM 256|512 GB UFS3.0
-BATTERY : 4,300 mAh | Support Fast Charge 45 W
-REAR Camera :
12 MP, f/1.5-2.4, 27mm (wide), 1/2.55″, 1.4µm, Dual Pixel PDAF, OIS
12 MP, f/2.1, 52mm (telephoto), 1/3.6″, 1.0µm, PDAF, OIS, 2x optical zoom
16 MP, f/2.2, 12mm (ultrawide), 1.0µm, Super Steady video
TOF 3D VGA camera
-FRONT Camera : 10 MP, f/2.2, 26mm (wide), 1.22µm, Dual Pixel PDAF
-S-pen with Air Actions Support 4096 levels
-Bluetooth 5.0 / WiFi 6


อุปกรณ์ที่มีมาให้ภายในกล่อง adaptorชาร์จไฟจะเป็นขนาด 25W หากต้องการเป็น 45W ต้องซื้อเพิ่มครับ ราคาประมาณ 1,290 บาท


ด้านการเล่นเกมมาพร้อมกับ Game Booster ที่มี AI พร้อม NPU ช่วยทำให้เล่นเกมได้ลื่นไหลมากขึ้น และระบบระบายความร้อน 
Vapor Chamber โดยจากการทดสอบเกมของเราได้ผลดังนี้

ROV ความแรงระดับตัวท็อปปรับสุดได้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว ฟิลลิ่งภาพรวมคือ FPS แตะ 60 FPS เกือบตลอด ลื่น ทัชตรง แสดงผลกราฟฟิตสำหรับ ROV Patch ใหม่ได้ฟรุ๊งฟริ๊งมาก


PUBG ปรับได้สูงสุด HDR HD และกราฟฟิคระดับ Ultra ความลื่นไหลดีที่สุด ไม่มีปัญหารอโหลดฉาก

ด้านระบบระบายความร้อนที่ดีจากการทดทอบ ROV 1 เกมซึ่ง​patchนี้ความร้อนสูงกว่าPUBGเสียอีก อุณหภูมิก็ไม่เกิน 40องศาเซลเซียส ตามมาตรฐานของเว็บเรา ถือว่าสอบผ่านครับ
ส่วนด้านแบตเตอรี่ ROV 1 เกม 5V5 20 นาที ใช้แบตไป 7% หรือ 0.35%=1นาที อยู่ที่มาตรฐานของเว็บเราพอดี

ผลทดสอบด้านความแรง
Geekbench 4
Single-Core :  4464 | Multi-Core : 10396
Antutu Benchmark : 351539



การใช้งาน S-pen ครั้งนี้มาพร้อมสีชูโรงสีน้ำเงิน ถ้าคุณเลือกสีเครื่องเป็นสี Aura Glow ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่ Air Actions ที่นอกจากฟังก์ชั่นเดิมที่กดปุ่มที่ S-pen ผ่าน Bluetooth เพื่อสั่งงานต่าง ๆ เช่น ถ่ายภาพ – เปลี่ยนสไลด์ได้แล้ว

ครั้งนี้ยังสามารถใช้การวาดในอากาศ ปัดซ้าย ปัดขวา เปลี่ยนฟังก์ชั่น สลับโหมดของการถ่ายภาพได้อีกที จนไปถึงการซูมด้วยการควง s-pen ได้ด้วย

การใช้งานสำหรับจดบันทึกและวาดรูป รองรับแรงกด 4096 ระดับ และมี super capacitor ภายในสำหรับฟังก์ชั่น Bluetooth นั่นเอง เมื่อเก็บจะชาร์จโดยอัตโนมัติครับ


Galaxy Note10+ มาพร้อมกับแบตขนาด 4,300 mAh จากการทดสอบใช้งานกว่า 1 เดือน แบตทนจริง และตัวเครื่องจัดการด้านแบตได้ดีครับ   ชาร์จกลับได้รวดเร็วผ่าน USB-C ด้วย SAMSUNG Super Charging 25W adaptor ที่มีให้ในกล่อง ชาร์จเต็มภายในเวลาราว 1ชั่วโมง23นาทีเท่านั้น รวมไปถึงรองรับการชาร์จแบบไวสุด ๆ 45W ด้วย (ต้องซื้อ adaptorเพิ่มเองครับ)


ด้านความบันเทิงรับชมVDO หน้าจะ Dynamic AMOLED มีสีสันที่สดใสรองรับHDR10+ ลำโพงเป็น stereo ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atoms คุณภาพเสียงลำโพงดีและดังมากรุ่นนึง หรือการฟังผ่านเพลงหูฟัง USB-C tuned by AKG ก็ให้เสียงที่ดีกระหึ่ม


กล้องถ่ายภาพ 

กล้องหลัง 4 ตัวซึ่งประกอบด้วย
-12 MP, f/1.5-2.4, 27mm (wide), 1/2.55″, 1.4µm, Dual Pixel PDAF, OIS
-12 MP, f/2.1, 52mm (telephoto), 1/3.6″, 1.0µm, PDAF, OIS, 2x optical zoom
-16 MP, f/2.2, 12mm (ultrawide), 1.0µm, Super Steady video
-TOF 3D VGA camera

จากเลนส์ทั้ง 4 ทำให้ Note10+ สามารถถ่ายระยะได้ครอบคลุมตั้งแต่ Ultra-wide Angle 123 องศา จนไปถึง 2X telezoom โดยไม่สูญเสียความละเอียด ส่วนกล้อง 3D ToF ที่ไว้วัดระยะวัตถุเพื่อแยกจากฉากหลัง ก็ทำงานได้ดีทั้งภาพนิ่งและVDO ในโหมดของ Live Focus


การถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีจากกล้องหลักรูรับแสงปรับค่าได้ F1.5 – F2.4 ที่กว้างกว่าพร้อม Night Mode ที่เก็บภาพได้กลมกล่อมกว่าเดิม

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดต่าง ๆ

ภาพจากกล้องหลังหลัก Wide Angle



ภาพจากโหมด Ultra-wide Angle 123 องศา เปรียบเทียบกับโหมดปกติจะเห็นว่ากว้างกว่ามาก


โหมดต่าง ๆ  กล้องหลัง
อาหาร / กลางคืน / พาโนรามา / โปร / ไลฟ์โฟกัส / รูปภาพ / วิดีโอ / วิดีโอไลฟ์โฟกัส / Super Slow-mo / Slow Motion / Hyperlapse

โหมดต่าง ๆ กล้องหน้า
กลางคืน / ไลฟ์โฟกัส / รูปถ่าย / วิดีโอ / วิดีโอไลฟ์โฟกัส / Hyperlapse


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง ไลฟ์โฟกัส ซึ่งพลังจากกล้อง 3D ToF  DepthVision ทำให้สามารถแบ่งบุคคลออกจากฉากหลังได้ดีมาก จากลูกเล่นต่าง ๆ เช่นการเบลอหลังหรือการทำพื้นหลังเป็นสีดำ สังเกตใต้วงแขนยังสามารถแยกได้อย่างชัดเจน


SAMSUNG Galaxy Note10+ ยังมีScene Optimizer กว่า 30 รูปแบบเพื่อปรับแต่งภาพให้เหมาะสมกับซีนต่าง ๆ โดยคะแนน DxOMark สำหรับ Note10+ (รุ่น5G) ยังสูงถึง 117 คะแนนในภาพรวม และ 99 คะแนนสำหรับ Selfie ยืนหนึ่งไม่เป็นรองใคร ณ​ วันนี้


การถ่าย VDO ได้คะแนนออกมาที่ 101 คะแนน (Note10+ 5G) ครั้งนี้เอง Note10+ มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้บันทึกVDOได้ดีขึ้น เช่น
-บันทึกสูงสุดได้ที่ระดับ 4K 60 fps
-รองรับ HDR10+ 
-ถ่าย Super Slow-mo สูงสุด 960fps@720p
-รองรับ Super Steady ทำให้ VDO นิ่งคล้ายกับการถ่ายจาก Action Camera
-รองรับ Zoom-In Mic สำหรับซูมเสียงในVDOเมื่อเราซูมเข้าใกล้วัตถุให้ดังขึ้นสูงสุดถึง 3 เท่า
-ถ่ายระดับ Pro-grade Camera คือโหมด Live Focus สำหรับถ่าย VDO ที่เบลอฉากหลังหรือใส่ลูกเล่นต่าง ๆได้แบบ real time ที่ทำได้เพราะ Note10+ มีกล้อง 3D ToF นั่นเอง
(สามารถดูการทดสอบVDO ได้จาก VDO Review ใน youtube : 3PAT Reviewครับ)
คุณภาพ VDO กล้องหลังถือว่าดีมากทั้งระยะ wide , Ultra-wide , Tele zoom 2x โหมดที่เราชอบมาก ๆ คือ Super Steady ที่นิ่งมาก ๆ ลดการสั่นไหวของVDO ได้คล้ายกับการบันทึกด้วยกล้อง Action Camera จากคลิปคือนิ่งจริง ๆ ครับ ลองดูได้จาก VDO review เต็ม สาย Vloger สามารถใช้งานแทนกล้อง Action Camera ได้เลย และยังสามารถตัดต่อVDOได้ในตัว พก Note10+ เครื่องเดียว จบ

กล้องหน้า 10 MP F2.2 Dual Pixel PDAF Auto-HDR
คะแนนของ selfie กล้องหน้า Note10+(5G) ซึ่งก็ใช้โมดูลกล้องเดียวกับรุ่นที่ขายในบ้านเรา เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ณ​ วันนี้ ย้ำกันอีกครั้งว่ากล้องหน้ายังมี Auto Focus แบบ Dual Pixel ด้วย นั้นแปลว่าจะถ่ายเซลฟี่ใกล้ ๆ หรือถอยไปไกล ๆ ก็คมชัด และโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวลเหมือนกล้องหลัง บันทึก VDO ได้สูงสุด 4K 30fps ทั้งการเซลฟี่ปกติ และVDO ก็คมชัด กล้องหน้ายังมีโหมด Live Focus กล้องหน้าที่ใช้ได้ในภาพนิ่งและVDO จนไปถึง Night สำหรับกล้องหน้าให้ใช้งานอีกด้วย

เพิ่มเติม*คนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่ต้องไลฟ์สดกล้องหน้า Note10+ จะช่วยให้ไลฟ์คุณมีคุณภาพมากขึ้นเยอะ ชูของหน้ากล้องก็ชัด อ่านคอมเม้นต์สดก็ไว เพราะหน้าจอขนาดใหญ่



ฟีเจอร์ด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่นป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68, ลำโพง Stereo และหูฟัง Type-C รองรับ Dolby Atmos, เสริมความปลอดภัยด้วย SAMSUNG KNOX, การปลดล็อคหน้าจอด้วย Face Recognition และ Ultrasonic Fingerscan ก็รวดเร็วทันใจ (แม้คุณจะติดฟิล์มกันรอยแบบกระจก ก็ใช้งานได้ รวมถึง S-Pen ที่รองรับแรงกด 4,096 ระดับก็ใช้ได้งานได้เหมือนเดิม) , Bixy และ Bixby Vision, Wireless Powershare ให้อุปกรณ์อื่น / Wireless Fast Charge 2.0


รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานให้ได้มากขึ้นกับ SAMSUNG DeX ที่รองรับทั้ง Windows OS และ MAC OS มีอแอพที่รองรับมากกว่าเดิม ใช้งานได้ทุกแอพ รองรับการ Transfer File แบบ Drag&Drop ใช้ 2 หน้าจอได้พร้อมกัน เปิด Multi Windows ได้ ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อผ่านสาย USB-C เพียงเส้นเดียวไม่ต้องซื้อุปกรณ์ใดเพิ่ม


สรุปแล้ว SAMSUN Galaxy Note10+ เป็น Smartphone ที่อัดแน่นมาทุกฟีเจอร์จริง ๆ ครับ กล้อง เกม ความบันเทิง S-pen และการทำงาน มีอีกหลายฟีเจอร์ที่เราอาจยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งสามารถดูเพื่มเติมได้ที่ : https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-note10/ 
สำหรับสเปค Hardware ที่ SAMSUNG ให้มาตั้งแต่ RAM 12 GB สำหรับ Note10+ และROM 256/512 GB ยังเพียงพอในอนาคตอีกยาว ๆ เลย ที่สำคัญหมดกังวลเรื่องการไม่ได้รับอัพเกรดpatch ความปลอดภัยจาก Google หรือใช้งานGoogle Service ไม่ได้ ตั้งแต่แกะกล่องมา SAMSUNG Galaxy Note10+ ก็มาพร้อมกับ Andorid 10 และ One UI เป็นที่เรียบร้อยครับ SAMSUNG Galaxy Note10+ ราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาทสำหรับรุ่น 256 GB และ 40,900 บาท สำหรับรุ่น 512 GB ครับ

%d bloggers like this: