ซัมซุงกับเส้นทางสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 นวัตกรรมทีวีระดับโลก

ซัมซุงกับเส้นทางสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 นวัตกรรมทีวีระดับโลก

กรุงเทพฯ (27 พฤษภาคม 2562) – จะเห็นได้ว่าวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมสินค้าอิเลคโทรนิคส์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดของ “ทีวี” ที่ถูกสร้างสรรค์ออกแบบมาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ ดีไซน์ และเทคโนโลยีแสดงผลที่แตกต่างกันออกไปตามจุดขายของแต่ละแบรนด์ จนก่อให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดกันอย่างดุเดือด แต่ขณะเดียวกัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ก็ยังคงครองบัลลังก์ผู้นำอันดับ 1 ในตลาดทีวีมาอย่างยาวนาน ด้วยการค้นคิดและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันของผู้บริโภค รวมถึงสานต่อเทคโนโลยีสู่อนาคตอีกด้วย

อาจต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่าเกือบครึ่งศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาจากหน้าจอขาว-ดำไปเป็นทีวีสียังใช้เวลานับ 10 ปี หลังจากนั้นเราก็รับชมกันผ่านทีวีจอตู้มาโดยตลอด จนกระทั่งในปี 2006 ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้ปฏิวัติวงการทีวีครั้งใหญ่ โดยการนำจอ LCD ที่มีดีไซน์จอแบนอันเป็นเอกลักษณ์ ต่อมายังได้พัฒนาไปสู่หน้าจอ LED ที่มีขนาดบางกว่าและสีสดกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามตลาดหน้าจอทีวีทั่วโลกยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และประเภทของทีวีที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันคือหน้าจอแสดงผลแบบ OLED และ QLED ซึ่งมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้

OLED คือหนึ่งในหน้าจอแสดงผลที่ได้รับความนิยมในตลาด เนื่องจากพิกเซลสามารถให้กำเนิดแสงได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหลอดไฟเหมือนหน้าจอ LCD หรือ LED ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่กินไฟน้อย แถมยังมีความบางและความยืดหยุ่นสูง ส่งผลให้สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นจอโค้งหรือสร้างสรรค์ดีไซน์รูปแบบใหม่ได้ไม่ยาก แต่ในขณะเดียวกันตัวเม็ดพิกเซลที่ให้กำเนิดแสงนั้นอาจทำให้เกิดความร้อนมากเป็นพิเศษเมื่อมีการเปิดหน้าจอทิ้งไว้ ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับโลโก้หรือตัวอักษรในหน้าจอที่สว่างอยู่ที่เดิมป็นระยะเวลานานอย่างที่เราเรียกกันว่าเบิร์นอิน (Burn In) หรืออาการรอยภาพไหม้ค้างติดหน้าจอนั่นเอง

หลังจากที่ซัมซุงได้ลองผลิตและขายทีวี OLED ได้เพียง 1 ปี ก็พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงได้ปิดไลน์การผลิตทีวี OLED ด้วยความเชื่อที่ว่าหน้าจอแสดงผลแบบ OLED นั้นเหมาะกับการนำมาใช้กับหน้าจอขนาดเล็กอย่างสมาร์ทโฟนมากที่มีอายุการใช้งานสั้น และใช้พลังงานน้อยกว่า

จากนั้นจึงหันไปพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมดอท (Quantum Dot) จนเกิดเป็นทีวีในชื่อ SUHD TV ในปี 2016 และต่อยอดจนเปลี่ยนชื่อเป็น QLED หรือเวอร์ชั่นอัพเกรดของ LED TV ที่เข้ามาเติมให้ภาพมีสีสันสวยสดขึ้น มีความสว่างมากขึ้น เพื่อให้ภาพออกมาดูสมจริงมากที่สุด โดยหลักการกำเนิดภาพพื้นฐานยังเป็น LED TV ซึ่งไม่มีจุดพิกเซลที่ส่องสว่างเองและให้ระดับความร้อนที่ต่ำมาก จึงมีโอกาสเกิด Burn-In น้อยมาก

เทคโนโลยี QLED มีความโดดเด่นที่คุณภาพเม็ดสี คมชัดทุกเฉด ให้ภาพสว่างมีชีวิตชีวา เห็นชัดทุกรายละเอียดในทุกสภาพแสงโดยเฉพาะในที่แสงน้อย ด้วยระบบป้องกันแสงสะท้อน ‘อัลตร้าแบล็ค’ แสดงภาพได้เหมือนต้นฉบับ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาการจอไหม้ (Burn-In) หรือการเสื่อมของจอภาพอย่างถาวร อย่างที่ไม่เคยมีเทคโนโลยีใดทำได้มาก่อน ดังนั้นความแตกต่างอย่างชาญฉลาดนี้ ส่งผลให้ ซัมซุง รั้งตำแหน่งผู้นำในตลาดทีวีมาโดยตลอด

ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ “ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์” ผู้กล้าที่จะหันหลังให้กับทีวีแบบ OLED ที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดขณะนั้นและหันมาพัฒนาทีวี QLED เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียว เพื่อต้องการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยการสร้างสรรค์เทคโลโนยีอันล้ำหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับอนาคตของผู้ใช้งาน ล่าสุดเพิ่งเปิดตัว “ซัมซุง QLED 8K”ถ่ายทอดความคมชัดเสมือนจริงระดับ 8K ด้วยการประมวลผลทุกความบันเทิงทั้งภาพและเสียงอย่างชาญฉลาดของชิปเซต Quantum Processor 8K และเทคโนโลยี 8K AI Upscaling ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวีอันดับหนึ่งระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

คงต้องมาลุ้นกันว่าหลังจากนี้ “ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์” ผู้นำอันดับ 1 ตลาดทีวีโลกและเมืองไทยมานานกว่าทศวรรษ จะซุ่มผลิตนวัตกรรมอะไรออกมาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมเหนือระดับขึ้นไปอีก คงต้องติดตามกันต่อไป…

 

%d bloggers like this: