สรุป Apple iPhone 11 Pro | iPhone 11 Pro Max ราคา สเปค เป็นอย่างไรบ้าง
Apple เปิดตัว iPhone 11 Series อย่างเป็นทางการ ทั้ง iPhone 11 | iPhone 11 Pro | iPhone 11 Pro Max (บทความนี้ขอพูดถึง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นะครับ)
โดยภาพรวมมาพร้อมกับ Chipset ใหม่ CPU Apple A13 แรงขึ้น 20% Bionic 6-cores GPU 4-cores แรงขึ้น 20% และ Neural Enging 8-cores เร็วขึ้น 20% สำหรับการใช้งานMachine Learning (AI นั่นแหละ) ทั้งหมดนี้จะทำให้ iPhone 11 Pro เป็น Smartphone ที่ทรางประสิทธิภาพที่สุดในโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความโดดเด่นคือเรื่องกล้องหลังที่ให้มา 3 ตัวครบระยะคิดระยะซูมด้วยเลนส์ได้ถึง 4 เท่า (0.5x – 2x) ตรงนี้ส่วนตัวยังงงว่า Apple ใช้คำว่าออฟติคัลซูมเลย ระยะที่ไม่ใช่กายภาพของเลนส์น่าจะใช้ software เข้ามาช่วย ไม่แน่ใจเหมือนกันทำไม Apple กล้าใช้คำนี้ออกสื่อ
โดยกล้องwide และtele 2x มีระยะเท่าเดิมคือ 26 mm และ 52mm เมื่อเทียบกับระบบฟิล์ม35mm ตามลำดับ ส่วนกล้องใหม่ Ultra-wide คือ 13 mm ก็เก็บภาพมุมมองกว้างได้เสียที
และยังถ่ายNight Mode แบบ stack layer ได้แล้วจากภาพตัวอย่างคือ 5 วินาที
จุดขายจริง ๆ รอบนี้เหมือนจะเน้นแต่กล้องเลยครับ เน้นที่ความคมชัด กล้องหลัง Pro Camera ถ่าย VDO ได้สูงสุดที่ระดับ 4K 60 fps
และยังสามารถ edit เช่นประแสง ความสว่าง ฯ ได้จากในแอป Photo ไม่ต่างจากภาพนิ่งเลย ตรงนี้เจ๋ง
กล้องหน้า TrueDepth Camera 12MP F2.2 สามารถ่ายVDO สูงสุดที่ระดับ 4K 60 fps เช่นกัน และเป็นครั้งแรกที่สามารถถ่าย Slow-mo 1080p 120 fps ได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่ง iPhone ทำโหมดนี้ได้ดี หรือจะไปเน้นถ่ายแบบฮา ๆ ได้ดีที่สุดในโลกมาตลอดอยู่แล้ว มี Smart HDR กล้องหน้าด้วย และการใช้ Face ID แบบก้มหน้าลงมาก็รองรับมุมมองที่มากขึ้น แต่สแกนนิ้วบนหน้าจอไม่มาตามลือนะจ๊ะ
ความเจ๋งของการบันทึก VDO ต่อคือสามารถถ่ายแบบงานระดับโปรดักชั่นได้เลย และเมื่อใช้งานแอป Filmic Pro Version ใหม่จะสามารถบันทึกหลายกล้องได้พร้อมกัน !!!!!!! อันนี้ดีมากสำหรับสาย VDO ครับ เช่นกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน หรือ กล้องหลัง 2 ระยะได้พร้อมกัน ถ่ายกันเสีย ถ่ายเอาบรรยากาศ ได้หมด คือดีมาก แต่ความจุหละ อาจจะต้องไปซื้อรุ่นท็อป 512 GB เท่านั้นหรือเปล่า
iPhone 11 Pro | iPhone 11 Pro Max ป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และแบตดตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น 4-5 ชั่วโมงเมื่อเทียบักบรุ่นเดิม iPhone Xs และ iPhone Xs Max ตามลำดับ วัสดุตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสตีล
หน้าจอ iPhone 11 Pro
-
- Super Retina XDR display
- 5.8‑inch (diagonal) all‑screen OLED Multi‑Touch display
- HDR display
- 2436‑by‑1125-pixel resolution at 458 ppi
- 2,000,000:1 contrast ratio (typical)
หน้าจอ iPhone 11 Pro Max
- Super Retina XDR display
- 6.5‑inch (diagonal) all‑screen OLED Multi‑Touch display
- HDR display
- 2688‑by‑1242-pixel resolution at 458 ppi
- 2,000,000:1 contrast ratio (typical)
โดยทั้งคู่รองรับ True tone display สีระดับ DCI-P3 และมีการเคลือบ oleophobic coating ป้องกันรอยนิ้วมือ
ที่เหลือที่น่าสนใจก็คือรองรับชาร์จเร็ว-อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18 watt ที่น่าจะแถมให้ในกล่องครับ แต่port เชื่อมต่อยังคงเป็น Lightning เช่นเดิม และมีสีใหม้ Midnight Green
iPhone 11 Pro เปิดราคามาที่ 999 $ หรือตีเป็นเงินไทยราว 35,900 บาทครับ 64 GB
iPhone 11 Pro Max เปิดราคามาที่ 1099 $ หรือตีเป็นเงินไทยราว 39,900 – บาทครับ 64 GB
iPhone 11 เปิดราคามาที่ 699 $ หรือตีเป็นเงินไทยราว 24,900 บาทครับ 64 GB
เริ่มส่งมอบได้สำหรับตลาดอเมริกาวันที่ 20 กันยายนนี้ครับ ส่วนประเทศอื่นไม่มีข้อมูลแจ้งเลยครับรอบนี้